เปิดเกมรุกรับปีทองผลไม้ไทย กรมการค้าภายใน เตรียม 22 มาตรการบริหารจัดการเข้ม

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมเตรียมเดินหน้ามาตรการบริหารจัดการผลไม้เชิงรุก ปี 66

เศรษฐกิจ ในส่วนที่รับผิดชอบ หลังจากที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ได้เห็นชอบมาตรการบริหารจัดการผลไม้ปี 66 แบบเชิงรุก รวม 22 มาตรการ ซึ่งมีมาตรการที่กรมรับผิดชอบเกินครึ่ง และขณะนี้ได้เตรียมความพร้อมดำเนินการไว้หมดแล้ว และสามารถดำเนินการได้ทันที เมื่อผลไม้ออกสู่ตลาด รองรับผลผลิตที่คาดว่าปีนี้ จะออกสู่ตลาดมากถึง 6.78 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 3% จากปี 65 โดยแผนดังกล่าวมีเป้าหมายรองรับผลผลิตล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 700,000 ตัน

เศรษฐกิจ ปีทองผลไม้ไทย 

มั่นใจว่า ปีนี้ยังคงเป็นอีกปีทองของผลไม้ไทย จากปี 65 ที่การส่งออกผลไม้สร้างรายได้เข้าประเทศหลายแสนล้านบาท ส่วนปัญหาภัยแล้ง ที่อาจกระทบต่อผลผลิตสินค้าเกษตรนั้นเชื่อว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถรับมือได้แน่นอน”สำหรับมาตรการที่กรม จะนำมาใช้ในการดำเนินการ คือ “อมก๋อย โมเดล” ซึ่งประสบความสำเร็จในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยการเชื่อมโยงให้ผู้ซื้อ ทั้งผู้ประกอบการ ห้าง ผู้ผลิต มาพบกับเกษตรกร และตกลงซื้อขาย มีเป้าหมายที่ 100,000 ตัน แบ่งเป็น กระจายผลผลิตผลไม้ออกนอกแหล่งผลิต 90,000 ตัน โดยช่วยเหลือผู้ประกอบการหรือเกษตรกรกิโลกรัม (กก.) ละ 3 บาท และสนับสนุนให้รถเร่ รถโมบาย ไปรับซื้อผลไม้และนำออกจำหน่ายสู่ผู้บริโภคโดยตรงในช่วงที่ผลไม้ออกมาก 30,000 ตัน นอกจากนี้จะประสานงานกับห้าง ร้านสะดวกซื้อและปั๊มน้ำมันต่างๆ เปิดพื้นที่ระบายผลไม้ 100,000 ตัน และจัดรณรงค์บริโภคผลไม้ไทย งาน Fruit Festival ในแหล่งท่องเที่ยว และสนับสนุนการโหลดผลไม้ขึ้นเครื่องบิน ฟรี 20 กก. ปริมาณรวม 42,000 ตัน

อ่านข่าวเพิ่มเติม : ราคาน้ำมันดิบ ปรับลด กังวลการขึ้นดอกเบี้ยเฟด-เศรษฐกิจชะลอตัว

ราคาน้ำมันดิบ ปรับลด กังวลการขึ้นดอกเบี้ยเฟด-เศรษฐกิจชะลอตัว

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ปรับตัวลดลง จากความกังวลการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดและภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

วันที่ 10 มีนาคม 2566 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ดังนี้ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ปรับตัวลดลง หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานเพิ่มขึ้น 21,000 ราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ และสูงสุดในรอบ 10 สัปดาห์ สู่ระดับ 211,000 อย่างไรก็ตาม ที่ระดับดังกล่าวยังถือว่าตลาดแรงงานยังตึงตัว และอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ปรับดอกเบี้ยเพิ่มมากขึ้นเพื่อสะกัดปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจชะลอตัวและความต้องการใช้น้ำมัน

เศรษฐกิจ

โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 9 มี.ค. 2566 อยู่ที่ 75.72 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -0.94 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันดิบเบรนต์อยู่ที่ 81.59 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -1.07 เหรียญสหรัฐ

การซื้อขายตลาดน้ำมันยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เร่งปรับอัตราดอกเบี้ย ตามที่นายเจอโรม พาวเวลล์ ได้แถลงไว้ ในการประชุมทั้ง 2 วันที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ตลาดจับตาอัตราว่างงานของสหรัฐที่จะประกาศในคืนนี้ (10 มี.ค.) ซึ่งคาดว่าอาจไม่ได้ปรับลดลงต่อเนื่อง และยังยืนที่ระดับเดิมที่ 3.4% ซึ่งอาจชะลอการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้

บริษัท TotalEnergies ของฝรั่งเศส ระบุว่าไม่สามารถขนส่งน้ำมันจากโรงกลั่นในวันพฤหัสบดี เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการหยุดงานประท้วงของแรงงานฝรั่งเศสในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังสต๊อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐ สัปดาห์ที่แล้วลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 238.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่โรงกลั่น ในเกาหลีใต้มีแผนการปิดซ่อมบำรุงระหว่างเดือน มี.ค.-เม.ย. 66 ซึ่งอาจส่งผลต่ออุปทานน้ำมันเบนซินตึงตัว

ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในอินโดนีเซียที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่มีการปรับมาตรการการใช้ส่วนผสมไบโอดีเซลจาก B30 เป็น B35 ตั้งแต่เดือน ม.ค. 66 อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในตลาดเอเชียยังมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น

ท่องเที่ยวตัวตึงฟื้นเศรษฐกิจ พุ่งสู่เป้าหมายปี 66 รายได้ 2.38 ล้านล้านบาท

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยในการแถลงข่าวการขับเคลื่อน “ปีท่องเที่ยวไทย 2566

และ Visit Thailand Year 2023 : Amazing New Chapters ว่า ปีนี้ 2566 หลายคนพูดถึงเศรษฐกิจถดถอยและมีเพียงเครื่องยนต์เดียวที่จะทำให้เศรษฐกิจไปต่อได้ คือ การท่องเที่ยว ททท.จึงจะมาบอกว่าจะทำให้การท่องเที่ยวปีนี้เป็นไปตามคาดหวังของคนได้อย่างไร เพราะคนที่คาดหวังกับเรามากที่สุดคือประชาชนคนไทย ที่อยากให้เศรษฐกิจและท่องเที่ยวกลับมาเหมือนปี 2562 “นักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2565

มีจำนวน 11.8 ล้านคน สูงกว่าเป้าหมาย 10 ล้านคน ขณะที่มีคนไทยเที่ยวในประเทศ 189 ล้านคน/ครั้ง สูงกว่าเป้าหมาย 165 ล้านคน/ครั้ง ส่วนรายได้ต้องรอกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาสรุป คาดว่าได้ตามเป้าหมาย 1.5 ล้านล้านบาทแน่นอน ส่วนปี 2566 มีเป้าหมายรายได้รวมที่ 2.38 ล้านล้านบาทจะเป็นการฟื้นคืนเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยวอย่างเข้มข้น”

เศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวตัวตึงฟื้นเศรษฐกิจ-พุ่งสู่เป้าหมายปี-66-รายได้-2.38-ล้านล้านบาท

ผู้ว่า ททท.กล่าวว่า งานเทศกาลปีใหม่ Amazing Thai land Countdown 2023 ของไทยที่ฉายภาพการแสดงพลุและการแสดงแสง สี ของวัดอรุณฯ ได้รับการเผยแพร่ไปทั่วโลกผ่านสถานีโทรทัศน์ CNN, BBC และ Reuters โดยเฉพาะการ Live ของ CNN เป็นเวลานานกว่า 10 นาที ซึ่งยาวนานเป็นประวัติการณ์สะท้อนให้คนทั่วโลกเห็นว่าท่องเที่ยวไทยกลับมาแล้ว ซึ่งความสำเร็จนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นหรือปฐมบทให้กลับมาทำธุรกิจ ดังนั้น ปีนี้ซึ่งเป็นปี Visit Thailand Year 2023 จะเป็นตัวทำเป้าหมายให้ธุรกิจกลับมาและก้าวไปสู่นักท่องเที่ยวคุณภาพมากขึ้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม : ตรึงราคาก๊าซหุงตุ้มอีก 1 เดือน ที่ราคา 408 บาท/ถัง 15 กก.

ตรึงราคาก๊าซหุงตุ้มอีก 1 เดือน ที่ราคา 408 บาท/ถัง 15 กก.

กบง.มีมติตรึงราคาก๊าซหุงต้ม ถัง 15 กก. ที่ 408 บาท เป็นเวลา 1 เดือน เริ่ม 1-31 ต.ค.นี้ ขยายเวลาช่วยเหลือราคาน้ำมันดีเซลและขอความร่วมมือคงค่าการตลาดน้ำมันดีเซลไม่เกิน 1.40 บาทต่อลิตร

เศรษฐกิจ 12 9 2022

การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้มีการพิจารณาแนวทางบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมัน รวมถึงการทบทวนกำหนดราคา LPG และ NGV เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน มีมติร่วมกัน ดังนี้

1. เห็นชอบการขยายมาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. – 31 ธ.ค. 2565 ให้คงสัดส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วอยู่ที่ร้อยละ 5 (บี5) และขอความร่วมผู้ค้าน้ำมันคงค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มดีเซล ไม่เกิน 1.40 บาทต่อลิตร
.
2. เห็นชอบให้ตรึงราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม (LPG) ในเดือนตุลาคม ที่ราคา 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม (กก.) 1 เดือน (1-31 ต.ค. 65) และมอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน จัดทำแนวทางการช่วยเหลือ มุ่งเป้า LPG ภาคครัวเรือน เพื่อลดผลกระทบต่อภาระค่าครองชีพของประชาชน
.
3. เห็นชอบให้ปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำหรับรถยนต์ทั่วไปเพียง 1 บาท/กก. จาก 15.59 บาท/กก. เป็น 16.59 บาท/กก. ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2565 โดยมอบหมายให้กระทรวงพลังงานขอความร่วมมือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และให้ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ติดตามสถานการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติอย่างใกล้ชิด

หากมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญให้นำเสนอ กบง. เพื่อพิจารณาการกำหนดราคา NGV ที่เหมาะสมในระยะต่อไป พร้อมทั้งให้คงมาตรการช่วยเหลือกลุ่มรถแท็กซี่ในโครงการ NGV เพื่อลมหายใจเดียวกันของ ปตท. โดยให้สามารถซื้อก๊าซ NGV ได้ในราคาเดิมที่ 13.62 บาท/กก. เป็นเวลา 3 เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. – 15 ธ.ค. 65
.
นอกจากนี้ กบง. ได้มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การคำนวณราคาเชื้อเพลิงชีวภาพ (ไบโอดีเซล และ เอทานอล) และทบทวนประมาณการงบประมาณตามแนวทางการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคาพลังงานที่สูงขึ้น ของกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วยต่อเดือน

ในพื้นที่ของ กฟน. และ กฟภ. รวมทั้งผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยของ กฟผ. และผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่บริการของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ เป็นเวลา 4 เดือน ตั้งแต่ค่าไฟฟ้าประจำเดือน ก.ย. 65 ถึงเดือน ธ.ค. 2565 ติดตามข่าวเพิ่มเติมได้ที่นี่ >> betbaccaratonline